วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

คะแนนงานครั้งที่ 2

21


>
รหัสนิสิตชื่อคะแนนหมายเหตุ
52011313333นายสาธิต ธัญญารักษ์5.0..
50011010352นงค์ลักษณ์ ปะนามะทัง1.0ไม่จัดภาพ,ไม่ทำลิงค์

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

งานครั้งที่ 2

62

  • ให้ comment บทความนี้ โดยระบุ รหัส ชื่อ และ link (URL) ของบล็อกตัวเอง
  • แทรกโค้ด javascript สำหรับแสดงเวลาของเครื่อง (ก๊อปโค้ดได้จาก http://www.rumpuey.com/JavaScript/clock.htm
  • สร้างบทความใหม่ โดยแนะนำแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดที่นิสิตอาศัยอยู่ ดังตัวอย่าง
  • ส่งภายในวันที่ 8 กันยายน 2552 เวลา 23.59น.









ตัวอย่างการเขียนบทความแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัด

จังหวัดนครราชสีมา :: ข้อมูลทั่วไป
นครราชสีมา หรือที่เรียกว่า “โคราช” เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 259 กิโลเมตร เป็นเมืองใหญ่บนดินแดนที่ราบสูง ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร และสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว ผู้มาเยือนจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งเดินป่าศึกษาธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจริมอ่างเก็บน้ำ ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณ และเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน ทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารอีสานต้นตำรับ ก่อนกลับยังได้ซื้อหาสินค้าเกษตร หัตถกรรมพื้นบ้าน ที่มีให้เลือกอีกมากมาย

  • อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา นครนายก สระบุรี และปราจีนรี เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505
    เขาใหญ่ ใครก็อาจไปมาแล้วหลายหน แต่ช่วงฤดูฝนบนนี้ มีดีนอกจากทุ่งหญ้าเขียวขจี ฝูงเก้ง กวางออกหากิน นกเงือกรวมฝูงเห็นได้ฝูงใหญ่ น้ำตกก็สวยงาม เช่น น้ำตกเหวนรก เหวสุวัต สามารถชมวิวผืนป่าดงพญาเย็นที่เขียวขจีได้จากผาเดียวดายบนยอดเขาเขียว ไม่ไกลกันยังมีทุ่งหญ้าข้าวก่ำ (Burmannia Disticha) ให้ชมทุกปีที่เดียวบนเขาใหญ่ ง่ายและใกล้แค่นี้เอง คุณก็สามารถเห็นเขาใหญ่ได้ในมุมมองที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน

  • ชุมชนบ้านด่านเกวียน
    หากกล่าวถึงเครื่องปั้นดินเผา หลายคนก็คงนึกถึงชุมชนบ้านด่านเกวียน จังหวัดนครราชสีมา เพราะที่แห่งนี้เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องปั้นดินเผาหลากหลายรูปแบบ ส่วนเหตุผลที่ด่านเกวียนเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาชั้นดีที่มีความสวยงาม คงทน และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปกรรมพื้นบ้านที่ได้ทำสืบทอดกันมายาวนานของคนในชุมชน ก็เพราะมาจากจุดแข็งในเรื่องของ “ ดิน ”เนื่องจากดินในลำน้ำมูลที่ใช้ทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีแร่สนิมเหล็กที่ไม่เหมือนดินจากแหล่งอื่น คือเป็นดินเหนียวที่มีเนื้อเป็นสีแดงเข้มจนเกือบดำ และเมื่อเผาจนดำแล้วจะมีความแข็งกว่าดินในทุกพื้นที่ และขึ้นรูปได้ดี สามารถออกแบบและปั้นได้ตามความต้องการ ซึ่งจากจุดแข็งนี้เอง ที่ทำให้ชาวชุมชนด่านเกวียนสามารถสร้างสรรค์เครื่องปั้นดินเผาจากการผลิตเพื่อใช้งานเอง สู่การสร้างอาชีพที่ยั่งยืนของคนในชุมชน และในปัจจุบันได้พัฒนาดินเผาพื้นบ้านสู่ตลาดส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอีกด้วย และจากการที่ดินเผาด่านเกวียนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวของผลิตภัณฑ์เองแล้ว ยังสามารถทำให้บ้านด่านเกวียนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยอีกด้วย